บทความแนะนำอ่าน:D

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Work and Travel ตอนที่ 2 เที่ยวยังไงให้เก๋ไก๋ใน New York City

      หลังจากที่เราได้ไปเที่ยวตรงกลางมาแล้ว  คราวนี้ก็ถึงเวลาลงใต้กันแล้วนะคะ  เริ่มจาก
5. 14 St. Union Sq. จัตุรัสที่อบอุ่นที่สุดในนิวยอค


จาก Elmhurst  เดินทางมาที่ยูเนียนแสควร์ ง่ายๆค่ะ นั่งสาย R ยาวๆมาเลยก็ได้ หรือจะนั่งสาย 7 มาลงที่ Grand central แล้วต่อสาย 4 5 6 สีเขียวลงมาก็ได้ค่ะ  เพราะยูเนียนสแควร์ถือเป็นจุดเปลี่ยนสถานีใหญ่พอตัว    แถวนี้ถ้าเป็นวัน พุธ พฤหัส จะมีตลาดนัดเล็กๆ ขายของ Homemade ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ แยม เมเปิ้ล น้ำผึ้ง หรือรูปวาดอาร์ต  วันอาทิตย์ก็จะมีตลาดนัดแบบติสๆให้เดินดูกันด้วยคะ  

       รอบๆบริเวณนี้จะเป็นร้านหนังสือชื่่อดัง Barns and noble  sephora  Forever21 และอื่นๆอีกมากมาย  ถ้าเดินไปตามซอกซอยก็จะมีร้านดัง และร้านอาหารอีกค่ะ  จัตุรัสนี้จะออกแนว ชิวๆ เดินสบาย ไม่เครียดผู้คนไม่เร่งรีบ และไม่เยอะเหมือนกับ Central Park นอกจากนี้ใครที่ชอบช้อปปิ้งยังสามารถไปชอปได้ที่ Berington หรือ Nordstorm Rack ซึ่งเป็น Department store ที่มีแบรนด์ต่างๆ ทั้งถูกมากกก และแพงมาก ( ส่วนใหญ่อยู่ Nordstorm ) ดังนั้น ถือว่าเป็นจัตุรัสที่ครบครันทีเดียว
       แถวนี้ร้านดังจะมีร้าน Max & Berner ร้านช็อคโกแลตที่อร่อย และหลากหลายเมนูให้เลือก  เมนูฮิตคือ Fondue ที่กิน 2 คนค่ะ แล้วมาชเมโลวที่นี่ก็มีให้ปิ้งเก๋ๆ ไว้ถ่ายรูปด้วย



นอกจากนี้ใครที่ชอบอาหารอิตาลีสไตล์ตามสั่ง แวะไปที่ร้าน Vapiano ได้ค่ะ เดินไปแถว 17 St. ไม่ไกลจากกันมาก

6. Washington Sq. จัตุรัสสำหรับส่องเด็กมหาลัย

       เส้นทางลงสถานี 8 St.NYU สาย 6 ได้เลยง่ายๆ  แล้วเดินตรงมา 2 บล็อก เลี้ยวซ้าย จะเจอจัตุรัสเล็ก ที่มีศิลปินมาเขียนพื้นด้วยสี มีคนมาวิ่งออกกำลังกาย มีหมาวิ่ง มีคนมาพลอดรัก  และมีผู้แซ่บๆมาจ้อกกิ้ง ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศชิวๆ กลองแวะมาที่นี่ได้ค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นที่นิยม หรือที่เที่ยวที่คนไทยจะไปกัน แต่ได้อารมณ์จริงนะจะบอก

   เราชอบมาจ้อกกิ้งที่นี่ เพราะใกล้ที่ทำงาน  ห่างแค่บล็อกเดียวเอง  หน้าหนาวจะสวยมากกก เพราะได้อารมณ์เปลี่ยวๆ เหงาๆ เบาๆ วิ่งไป ฟังเพลงไป จิ้นไป เริ่ดค่าาาา

7.Wall St. ถนนคนรวย ที่คนสวยต้องไป

เส้นทางนั่งสาย 4 5 จากยูเนียนสแควร์มา หรือจะนั่งสาย 2 3 จากไทม์สแควร์มาก็ได้ค่ะ  อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าถนนสายนี้ สวยและรวยมาก จะพบเห็นชายชุดดำ ใส่สูท ผูกไท รองเท้ามันจนส่องกระจกได้ ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ทุกหนแห่ง  และแต่ละนางจะพรมน้ำหอม Hermes Gucci พองาม  เป๊ะเว่อออออ



พอเราเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอเจ้ากระทิง ซิกเนเจอร์ที่นี่ค่ะ เขาว่ากันว่าลูบไข่ ให้โชค  แต่กว่าจะลูบไล้ป้ายคลำได้นี่ ต้องแย่งกับนักท่องเที่ยวค่ะ  ดังนั้นความไวแสงการถ่ายรูปต้องมี  และลูบเข้าไปเยอะไค่ะ ให้สมกับที่รอคอย อุวะฮ่าๆๆๆๆ


พอได้สัมผัสพอหอมปากหอมคอ  เดินต่อไปเรื่อยๆ  แถวนี้จะเป็นย่านเศรษฐกิจนะคะ อีกนิดนึงตรง Canal St. ก็จะมี Century 21 ห้างลดราคาแบรนด์ดังสาขาที่ใหญ่ที่สุด   สาขาอื่นๆจะมีอีกตรง Lincoln center ทางเหนือ หรือแถว Rego Park ย่านควีนส์ก็มีค่ะ  ห้างนี้มีหมดทุกอย่าง ย้ำ ทุกอย่าง  ทั้งไฮเอน ไฮสตรีท มีหมดค่าา แต่ราคาเราว่าไม่ค่อยถูกนะ  ยกเว้นพวกน้ำหอมจะขายถูก ถูกกว่าพวก Perfumania อีกค่ะ ที่นี่ลดแลกแจกแถมเลยทีเดียว  ยิ่งถ้าจัดโปรนะ หืมมม อย่าให้พูด น้ำยายไหยย้อยยย

8. Soho ย่านช้อปของคนรุ่นใหม่
  ถ้าจะพูดกันตรงๆ 5 ave เปรียบเหมือนชิดลม ส่วน Soho คงเป็นสยาม  เพราะมีเสื้อผ้าหลายแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์ทำเองของนิวยอค ซึ่งอย่าเข้าไปค่ะ เพราะหน้าจะซีด ปากจะสั่น เพราะมันสวยยมากก แต่แพงมากกกกก    ย่านนี้มีของน่ารักๆเยอะ และส่วนมากวัยรุ่นจะเดินค่ะ  แถวนี้มีร้านอาหารอิตาเลียนร้านนึง อร่อย และน่ารักมากก  เดินไปเกือบสุดทาง Soho จะมีบริกรมารับ มีออเดิฟเสิร์ฟขนมปัง เนยแพะ และมะกอก  อาหารเมนคอร์สนี่ก็ยุโรปเลยล่ะ  ราคาพอสมควร แต่อร่อยคุ้มค่า


9.Brooklyn Bridge  สะพานที่ทำไมใครๆต้องมาถ่ายรูป


พอขึ้นมาจากสถานี Brooklyn B. ก็จะสวยๆแบบนี้เลยค่าา แค่สถานีก็กินขาด สวยเว่อ อลังการเว่อ




 รอบๆสถานีจะเป็นสวนหย่อมเล็กๆ ยิ่งตอนสปริงซัมเมอร์จะมีต้มไม้ออกดอก เขียวขจี สวยๆแบบนี้

พอออกเดินซึ่งตรงนี้ไม่ต้องเปิด map อะไรเลยค่ะ  เพราะทุกคนดูจะมุ่งหน้าสู่จุดหมายเดียวกัน 5555
ทางขึ้นสะพานบรูคลินจะมีภาพวาดอาร์ตขายอยู่ข้างทางแบบนี้


ตอนขึ้นไม่ใช่ขี้ๆน่ะก๊ะ ดังนั้นกรุณาแต่งตัวรัดกุมและสวมรองเท้าที่มันคล่องหน่อย จะได้เดินไปจนสุดทางแล้วถ่ายรูปกลับมาสวยๆได้ค่ะ

                                      สะพานสวยๆอยู่ข้างหน้าแร้วววว แว้ว วววว แว้ววว

พอเราข้ามตรงช่องนั้นมาได้  เราจะถ่ายรูปย้อนกลับไปค่ะ   ถ้ากล้าเสี่ยงชีวิตยื่นหน้าออกไปพอ จะได้รูปสวยๆแบบนี้

อันนี้ถ่ายให้เพื่อน สวยๆเสี่ยงตายค่ะ  
ที่เห็นเขียนๆอยู่นั้นคือเขียนสลักไว้ว่าใครมาทำอะไร  เหมือนคล้องกุญแจรักที่โซลอะไรเทือกนั้น ตอนนั้นไม่มีปากกา นางเลยควักอายไลเนอร์ออกมาเขียน  แค่นี้ก็พอจะรู้ว่าให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน ชิมิเคอะ


                                  แอบมีคนมาคล้องกุญแจแบบเกาหลีๆด้วยนะเนี่ยยย
พอเดินๆแล้วหิว ขอแนะนำร้าน Fishmarket  เดินมาแถว Abercombie and Fitch ค่ะ  จะสีร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ข้างนอกอาจจะดูไม่ค่อยเวิค แต่ด้านในบรรยากาศประมาณ Texas และที่สำคัญอร่อยมากกกก Oyster ตัวใหญ่เบ้ง แบบเพิ่งตายมา 30 วิ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม และยังไม่รวมอาหารทะเลอื่นๆ หืมมม ดูดหอย ด๊วฟๆ เป็นกิโลๆ เลยจ้าาา   ค่าเสียหายประมาณ 100 เหรียญแต่รับรองว่าคุ้มจนวันตายยย  เพราะนอกจากอาหารอร่อยเลิศ ลุงบริกรยังสุดยอด Service mind เพราะนางจะประเคนค็อกเทลรสเลิศมาทานคู่กับหอย และชวนคุยสนุกมากๆๆ

10. Liberty Island

   พอลงมาใต้สุดปุ๊บบบ อย่างที่รู้กันว่าเทพีเสรีภาพเป็นซิกเนเจอร์หนึ่งของคนมานิวยอค  แต่จริงๆแล้วนางแอบอยู่เยื้องไปทางน่านน้ำนิวเจอร์ซี  เราไม่ได้ลงไปที่เกาะค่ะ  เพราะไม่อยากเสียตังง จ๊ากกก   เลยลงเรือฟรีที่ได้เห็นนางเหมือนกัน  เรือขึ้นได้โดยนั่งสาย 1 ลงไปสุด South Ferry เลย  จะมีเรือฟรีออกตลอดๆหลายรอบ  สังเกตที่คนยืนรอกันเยอะๆ นั่นแหละของฟรี 555





                                    ของจริงเห็นมากกว่านี้ค่ะ  แต่ถ่ายมาได้แค่นี้จริงๆ T_T
พอขึ้นไปฝั่งนู้น รอแป๊บนึงกลับมาฝั่งเดิม  เราก็เดินลัดเลาะไปที่ Battery Park ค่ะ  จะเห็นวิวฝั่งนิวเจอร์ซี   แถวนี้เป็นสวนหย่อม และจะมีศิลาหลักใหญ่ๆ จารึกชื่อทหารผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจอยู่ด้วยค่ะ

และถ้าหากว่าอยากเห็นวิวอ่าวเจอร์ซีสวยๆจริงๆ  เดินเลาะริม Battery Park มาเรื่อยๆค่ะ ขึ้นเหนือมา
แถวเวิล์ดเทรด จะเห็นวิวที่สวยกว่า
ริมอ่าวสวยๆค่ะ  คนส่วนมากมาวิ่งออกกำลังอาย มาสวนสาธารณะ  ชมวิวริมอ่าวสวยๆกันค่ะ  นั่งกินอะไรเบาๆ ชิวๆ เจิดมากกก
11.ชมวิวริมอ่าวอีกครั้งที่ Long Island city
   การไปให้เดินใกล้สุดนั่งสาย 7 ค่ะลง Vernon Jackson เดินต่ออีก 2-3 บล็อกจะเห็นสวนหย่อมเล็กๆ  และวิวแมนฮัตตันทั้งเมืองจะอยู่ตรงหน้าคุณค่ะ  เราชอบตรงนี้เป็นพิเศษ เพราะบรรยากาศร่มรื่น สบายๆ เย็นๆ ทำให้เรารู้สึกด้คิดอะไรดี สมองแล่น แถมโรแมนติกด้วยนะ




                                พอดีว่าวันที่ไป มีคนมาจัดงานแต่งงานกันพอดีค่ะ  โรมแมนติกจรุงงง  
พอเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เริ่มหิวแล้วเราก็นั่งรถไฟสาย 7 ไปลงรูสเวทค่ะ แล้วต่อสาย R ไปจนสุดสายที่ Forest Hill ที่นี่จะมีเค้กมื้อดึกชื่อร้าน Matha's  Bekery  ร้านนี่ต้อง Local จริงๆค่ะ  ใครที่รู้จักร้าน Magnolia ร้านเบเกอรี่ชื่อดังที่อยู่ในหนังเรื่อง Sex in the city นั้น ลืมมมไปได้เลยค่ะ เพราะถ้าคุณไม่ชอบเค้กที่หวานเจี๊ยบบละก็ เชิญมามาธ่า 


 บรรยากาศในร้าน จะเป็นร้านเล็กๆค่ะ แต่ผู้คนหนาแน่นเหมือนศึกกรุงทรอย 555 ต้องรอคิวกัน แล้วเข้ามานั่งเบียดในโต๊ะแคบๆ แต่กลิ่นเบเกอรี่ที่อบอวล ยิ่งข้างนอกอากาศเย็นๆแล้วด้วยย หื้มมม ยอมมมม

เค้กที่นีมีให้เลือกหลากหลายเลยค่า แต่ว่าจะไม่มีชื่อเค้กติดอยู่เลย  ถ้าอยากจะสั่งอะไรที่ไม่รู้ชื่อละก็ ต้องถ่ายรูปแล้วโชว์ให้พนักงานดู  สนนราคาเค้กร้านนี้ไม่แพงค่ะ  ราคา 5 เหรียญต่อชื้น แต่ชิ้นใหญ่ ห่อกลับบ้านกันได้เลยล่ะจะบอกกก


     ลงใต้จนเหนื่อยแล้ว  วันนี้เราจะมาขึ้นเหนือกันบ้างนะคะ 
12.Central Park มีอะไรดี ทำไมใครๆก็พูดถึงนะ หืมมมม

   วิธีการไป Central Park นั่นง่ายๆเลยค่ะ  นั่งสาย Q สีเหลืองได้ทั้งจาก Herald Sq. หรือไทม์สแควร์ก็ได้ค่ะ  ไปลงที่ 57 St. หรือถ้าอยากฟิตปึ๋งปั๋งก็เดินจาก 5 ave. ก็ได้ไม่ว่ากันน    เดินไปปุ๊บ สิ่งที่คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังแห่งเซนทรัล ปาร์คนี้คืออออ   "ขี้ม้า" กลิ่นนี่ โชยมาๆ นั่นแหละคุณถึงที่แล้วค่ะ ถึงที่เลยค่ะ
ในนี้จะกว้างมากกก  กินพื้นที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ตรง Columbus circle ไปจนถึง Bronx นู่นน และรอบๆนี้จะมีบ้านเรือน  มหาวิทยาลัย รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ใหญ่ๆ ถึง 2 ที่ด้วยกันเลยค่ะ


เดินเข้ามาจะเป็นสะพานแบบนี้ มีอยู่หลายที่เลยค่ะ  นักท่องเที่ยวจะชอบมาถ่ายกันเป็นคู่ๆ เชอะะะ นอกพวกหล่อนจะมาถ่ายกันเป็นคู่ หล่อนยังใช้ให้ชั้น(ที่มาคนเดียว เปลี่ยวๆเนี่ยย) ถ่ายให้หล่อนอีกหรอยะ ช่างไม่มีความเมตตาในหมู่เพื่อนมนุษย์ T_T



เดินเข้ามาอีกจะเป็นสะพานอุโมงค์ และด้วยความเตี้ย  ไม่ว่าจะแหงน เงยแค่ไหน  ก็ได้แค่นี้ค่ะ  จงจินตนาการร ว่ามันเป็นอุโมงค์เหมือนหนังเรื่อง Autumn in my Heart โอเคนะทุกคนนน




   และด้วยความที่มาช่วงที่กำลังเปลี่ยนฤดูใบไม้ผลิ ฝนปรอยๆ ฟ้าครึ้มๆ กับคนเหงาๆ มาเดินในที่กว้างๆ คนรักกันเยอะๆ ก็พอจะเข้าใจอารมณ์คนโสด เชี๊ยะะะะ 


  พอเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเป็น ต้นไม้ คนวิ่ง คนเล่นกีต้าร์ คนปิ๊กนิ๊ก หมา ขี้ม้า แบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะ  เดินๆอยู่ฝนก็ตก เราเลยแว๊บไปที่อื่นก่อน  หลังจากนั้นเวลามาก็ไม่ได้ถ่ายรูปเลย   เพราะเพื่อนนางชอบแซวว่า ถ่ายคลอโรฟิลทำไมเยอะแยะ  โอเค จบ  ไปที่อื่นกันก็ได้ เชอะ

13.Lincoln Center 
เดินทางโดยขึ้นซับเว สาย 1 สีแดงมาลงที่สถานี Lincoln center ได้เลยค่ะ


แถวนี้เป็นจตุรัสรูปปั้นประธานาธิบดีค่ะ  รอบๆไม่ค่อยมีอะไร  เป็นตึกสถาปัตยกรรมเก่าแก่หน่อย  และมีห้าง Century อยู่ ถ้าเดินลงไปหน่อยจะเป็น Columbus Circle  ซึ่งเย็นๆจะมีของอาร์ตๆมาขายหน่อยค่ะ  แต่ทางเหนือนี้ ส่วนมากตึกรามบ้านช่องจะเก่าๆ สวยๆ สไตล์ยุโรปหน่อย  ใครที่ชอบแบบอเมริกันผสมยุโรปจะชอบเดินแถวนี้ค่ะ เพราะถ่ายรูปสวยได้อามณ์ดี


14. Madison Park  ปาร์คที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่ไปแล้วจะรักเลย
วิธีไป นั่งสาย 4 5 6 สายเขียวลง 28 St หรือ 33 St ก็ได้ค่ะ  ต่อมาจาก Grand central ได้ง่ายๆ มุ่งใต้เลยค่า


                  ที่จัตุรัสนี้วันที่มาเป็นงานมินิคอนเสิตกับลานเบียร์ตอนกลางวันค่ะ คนคึกคักมาก ขายดอกไม้กับครึกครื้น ที่นี่จะมีร้าน MAC อยู่ตรงหัวมุม และในจัตุรัสจะมีกระรอกน้อยมาคอยแย่งอาหารคนที่มากิน Shake Shack ร้านเบอร์เกอร์ซิกเนเจอร์ของนิวยอค   ร้านนี้เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเบอร์เกอร์ของจริง  เพราะเค้าไม่ได้ใช้เศษเนื้อมาทำ แต่เป็นเนื้อสเตค  มีเมนูให้เลือกหลายหลาย และแต่ละสาขาจะมีเมนูไม่เหมือนกันในส่วนของของหวานนะคะ   ส่วนเมนูยอดฮิตก็คือ Shackburger ที่มีเนื้อ ชีส และซอสพริกสูตรร้านนี้ อร่อยมากกก ส่วนใครอยากเพิ่มเบคอน หรือดับเบิ้ลก็เลือกใส่ได้ตามใจเลยค่ะ

               สำหรับราคานั้น แน่นอนว่าของอร่อยก็แพงหน่อยราคาก็ประมาณ 2 เท่าของแม็ค  แต่อร่อยคุ้มมาก  เนื้อหอมๆ นุ่มๆ ชีสแบบทะลักออกมา กินกับซอสพริก มีซอสมะเขือแกล้มหน่อย  บวกกับเฟรนฟรายที่นี่ที่กรอบนอก นุ่มใน อันใหญ่ หอมๆ และตบท้ายด้วยไอศกรีมสูตรประจำร้าน  สำหรับสาขาที่เมดิสันนี้ เป็นสาขาแรกของเชคแชค  ดังนั้นจะมีของพิเศษๆกว่าสาขาอื่นอยู่ค่ะ เช่น ไอศกรีม Hopscott อร่อยมากกก ฮาเกนดาส หรือแม้แต่เบนแอนเจอรี่ยังต้องหลบ  เพราะมันอร่อยล้ำค่าจริงๆๆๆ   แบบเป็นคาราเมล ที่มีอัลมอนอยู่หน่อย ขนาดเราไม่ชอบอัลมอนยังต้องยอม และกลิ่นนม เนย กลิ่นคาราเมลจากเนื้อไอศกรีมนุ่มละมุนลิ้น มันได้ใจมากๆ



พอออกจากเมดิสันสแควร์ป๊บ เราก็จะไปต่อกันที่

15. Rockefeller  สวยงามกลางกรุง

                       
  ขออนุญาตใช้รูปจาก google เพราะถ่ายยังไง ก็ไม่ได้แบบนี้สักทีค่ะ
ที่เห็นตามรูปนั้น สามารถมาจากสถานี Rockefeller ได้เลยค่ะ เป็นตึกเดียวกับ Top of the rock นั่นแหละ ตรงนี้จะเปลี่ยนการตกแต่งไปตามฤดูนะคะ  หน้าร้อนจะเป็นต้นไม้ จัดสวน แต่หน้าหนาวจะเป็นลานไอซ์สเกตแบบนี้ค่ะ   รอบๆเป็นที่นั่งสำหรับคนมารับประทานอาหาร  ส่วนรอบๆจัตุรัสนี้ จะเป็นร้านแบรนด์เนมทั้งหลายแหล่  เพราะนางตั้งอยู่ตรง 5 ave. เลยจ้าา  ดังนั้น ตรงข้ามร็อคกี้นี้ จะเป็นห้าง Saks fifth avenue ห้างที่หรูที่สุดในนิวยอคเลยล่ะ  เพราะมี Couture               




                                                                               
                                                                 ภาพช่วงหน้าร้อนค่ะ  


   ทุกร้านที่เป็นไฮเอน เยอะมากๆๆๆ  แขวนๆ ยังกับบิ๊กซี ซูปเปอร์เซนเตอร์ จัดแสง จัดสี กระเป็า Valentino Givenchy Lanvin และอื่นๆ วางชั้นๆ แบบไม่ต้องมีห้องกระจกอะไรเลยล่ะค่ะ  พอคุณเดินเข้าไป  เข่าคุณจะทรุด หน้าคุณจะซีด ปากจะขมุบขมิบ เพราะประตูห้างมันหนักมากกก   ต้องใช้พลังลมปราณ และเปล่งเสียงว่า ฮึบบ  อ่ะ เข้าไปได้ ภายในเป็นเค้าเตอร์น้ำหอม เครื่องสำอาง บลาๆ กรุณาอย่าใส่รองเท้าแตะเข้าไปเลยนะคะ  แม้ว่าคุณจะเซลฟ์แค่ไหนก็ตาม เพราะที่นี่มันหรูกว่าพารากอน 18 เท่า แล้วปูพรมแดงตลอด  ขนาดที่เราอยากจะคลานเข่าเข้าไปทีเดียว กลัวพรมเปื้อนนน   
                 ส่วนใครอยากขึ้นไปดู Top of the rock ค่าเข้า 45 เหรียญค่าา ปิดประมาณ 4 โมงเย็นค่ะ

16.Lexington 53 St. เดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุด


ถนนสายนี้ตอนแรกเราเดินผ่านบ่อยมากกก แต่ไ่ยักกะสนใจเลยค่ะ แต่หลังๆเวลาเดินแล้วพอสังเกตรอบๆตัว ก็ได้พบว่า อาาาาห์  เจ้าก็มีดีนะเนี่ย  ที่นี่ตามถนนเป็นร้านแบรนด์ต่างๆ ผู้คนที่ผ่านไปมา ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว แต่จะเป็นคน Local ซะส่วนมาก  เป็นถนนที่ไม่พลุกพล่านมาก แต่สวยค่ะ ให้อารมณ์นิวยอคจริงๆ ใครที่อยากสัมผัสอาการเหม่อมองฟ้า มองข้างทาง ข้ามถนนแบบชิวๆ มองเงาตัวเองสะท้อนในกระจกร้านหรู  เชิญที่เล็กซิงตั้น อะเวนิวว

     เดินเรื่อยๆพอครึ้มอกครึ้มใจแล้วก็โยกย้ายส่ายสะโพกมาขึ้นซับเวสาย 7 สุดสายไป Flushing กันเล้ยย
17. Flushing ย่าน China town ตัวจริงของนิวยอค

                                                                 credit ภาพจาก google
ที่นี่ทุกอย่างเป็นภาษาจีน ร้านป๊อบอาย ร้าน burger king หรืออะไรก็ตาม จีนหมดค่ะ  และมีแต่คนจีน เต็มไปหมดเลย  ข้าวหน้าเป็ด บะหมี่เป็ด หมั่นโถว เป็นอะไรที่หาง่ายและถูกมากๆด้วยค่ะ  ถ้าสั่งเป็ดย่างนี่จะได้มาเป็นตัวๆเลย   และร้านเด็ดแถวนี้  ไม่ใช่ใครอื่น  แต่เป็นร้าน บุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นที่ราคาหัวละ 32 เหรียญเท่านั้น รวมค่า service charge แล้วด้วยนะ  อื้มมม  อยากรู้ชื่อแล้วล่ะสิ อิอิอิ
  ร้าน Nori nori  เป็นร้านที่มีขาปูอลาสก้าและหอยตัวโต  มีอาหารให้เลือกมากมายเป็นสไตล์แบบ International buffet เบาๆ ค่ะ
ที่นี่รับประมาณได้ทั้ง lunch หรือ dinner กินได้ทีละ 3 ชั่วโมง  แต่แค่ชั่วโมงแรกก็จอดแล้วจ้าาา  เพราะปลาดิบเอย ปลาหมึกเอย เทมปุระ เค้ก ปุอลาสก้า ราเมน ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าบวกกับกลิ่น ทำให้เรากินๆๆๆๆ ไม่ลืมหูลืมตา สรุปว่าอื่มตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกเลออ แป่วว แบบนี้เรียกว่ากินไม่โปรค่ะ

       ส่วนใครที่อยากสัมผัสอาหารญี่ปุ่นจริงๆต้องไปลองร้าน River Japanese restaurant 
ร้านนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ เสียดายจัง  แต่จะเป็นร้านที่สั่งอาหารต่างหากก็ได้ หรือจะกินบุฟเฟ่ก็ได้  แต่ที่นี่จะไม่ใช่แบบที่ให้เราเดินไปตักค่ะ  แต่อารมณ์มีเมนูให้เราเขียนว่าอยากกินอะไร  เค้าจะไปทำให้แล้วเอามาเสิร์ฟเราเอง หน้าที่ของเราคือ นั่งอยู่กับที่ ถือตะเกียบ และกินๆๆๆๆ  ร้านนี้ให้เวลากิน 1 ชั่วโมง 45 นาทีค่ะ  อาหารอร่อยมากกก  โดนเฉพาะตระกูล Roll อร่อยสุดจะบรรยาย  เพราโรลที่นี่เขาใส่ชีส มายองเนส และครันชี่ๆ ที่ใส่แล้วลงตัวอร่อยจนลืมวันลืมคืนน  ที่นี่ต้องให้ค่าทิปเด็กเสิร์ฟค่ะ และราคาช่วง lunch กับ dinner ไม่เท่ากัน สนนราคา Lunch 25 เหรียญ  dinner 29 ไม่รวมทิปและ service charge นะคะ

        ขอเล่าตบท้ายนิดนึงว่า ใครที่รู้จักร้าน Ichiumi ร้านญี่ปุ่นร้านดังย่าน Korean town ลืมไปได้เลยค่ะ ร้านนั้นไม่อร่อยเท่าไรเลยค่ะ แต่มีให้เลือกเยอะอย่างเดียว  และพนักงานบริการไม่ทั่วถึง  เพราะคนไปกินเยอะ ( ร้านดัง นักท่องเที่ยวรู้จักเยอะ) แล้วอาหารไม่ค่อยสดด้วยนะคะ  ให้ข้อมูลไว้พิจารณากันตรงๆเลยจ้าา
ปล. เวลากินข้าวร้านอาหารที่นี่ บังคับให้ทิป 15 เปอร์เซ็นต์นะคะ  ถ้าให้ไม่ครบ คุณจะยังไม่ได้ออกจากร้าน จนกว่าจะควักตังค์ออกมาจ่ายครบน่ะก๊ะ

        อิ่มกันจนจุกแล้ว วันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ  เดี๋ยววันหลังจะพาไปชมพิพิธภัณฑ์และมหาวิทยาลัยชื่อก้องโลกก โก้กก โก้กก

     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น